Page 41 - 3_2023_journal
P. 41
และที่สำาคัญต้องเผื่อเวลาสำาหรับช่วงถามตอบ อธิบาย course syllabus และเอกสารที่ต้องเตรียมตัว ทั้งนี้หลักการข้างต้นเป็นหลักปฏิบัติที่แนะนำา
มาในการเรียนแต่ละครั้งด้วยเสมอ ปัจจุบันแนวทางหนึ่งซึ่งทางคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลใช้ คือ ในการจัด TBL โดยควรเริ่มจากการพยายามจัดตาม
การเริ่มสอนเกี่ยวกับการเรียนรูปแบบต่าง ๆ ในโรงเรียนแพทย์ตั้งแต่ชั้นปีแรกที่ผู้เรียนเข้ามาในคณะ ไม่ว่า หลักการก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยพิจารณาปรับและ
จะเป็น problem-based learning (PBL) TBL หรือ case discussion ซึ่งจะทำาให้ผู้เรียนคุ้นเคยกับ พัฒนาไปตามบริบท เช่น ในการจัดการเรียนบางครั้ง
รูปแบบการสอน มีการจำาลอง iRAT และ gRAT รวมถึงกำาหนดให้ผู้เรียนได้ออกมาอภิปรายนำาเสนอ อาจพบว่าบางครั้งผู้เรียนจับคู่กันแล้วอยู่เดิม เช่น คู่ที่ขึ้น
ความแตกต่างของการเรียนแต่ละรูปแบบที่ตนเองได้ไปสืบค้นมา ปฏิบัติงานบนหอผู้ป่วยร่วมกัน (partner ward) หรือ
เป็นกลุ่มย่อยในห้องเรียนปฏิบัติการเติม (partner lab)
้
การสร้างทีม (Team Formation) อาจจะมีข้อจำากัดบ้าง และก็ควรมีการให้นำาหนัก กับ
ความสัมพันธ์ของผู้เรียนเดิม เช่น กลุ่ม partner lab
การจัดทีมควรเป็นทีมที่มีขนาด 5-7 คน โดย หรือหากเป็นผู้เรียนหลายระดับหรือการเรียนระหว่าง ในปี 2 และปี 3 เป็นกลุ่มเดิม มีความเป็นไปได้ว่าจะ
สมาชิกในแต่ละกลุ่มคละกันทั้งความสามารถ เพศ สาขาวิชาการจัดคละก็จะทำาให้มีการกระจายตัว มีความคุ้นชินและสามารถทำางานเป็นกลุ่มได้อย่างดี
หรือถ้าเป็นการจัดการเรียนการสอนซึ่งมีผู้เรียน ของประสบการณ์และทรัพยากรได้อย่างทั่วถึง เพื่อ อยู่แล้ว อาจจะพิจารณาใช้กลุ่มเดิมเพื่อความสะดวก
หลายระดับหรือสหสาขาวิชา ก็ควรให้มีการคละ ไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างกลุ่ม ทั้งนี้ ในบางกรณี ทั้งนี้อยากให้อาจารย์ผู้สอนพิจารณา
เช่นเดียวกัน และเมื่อจัดกลุ่มประจำารายวิชาหรือ ผู้จัดอาจจัดกลุ่มโดยอาศัยการเรียงลำาดับคะแนนหรือ ทุกประเด็นดังกล่าวเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้เรียน
ภาคการศึกษาแล้ว แนะนำาให้ใช้กลุ่มเดิมจะอยู่กลุ่ม ผลการเรียนของผู้เรียน สลับหญิงชายให้พอเหมาะ แต่อย่างน้อยให้คำานึงเสมอว่าควรพยายามคละคู่หรือ
เดิมไปตลอดทั้งภาคการเรียน หรือตลอดรายวิชา ต่อกลุ่ม มีการผสมผสานของผู้เรียนเมื่อเป็นกิจกรรม TBL
จากการศึกษาพบว่ากลุ่มขนาด 5-7 คน อย่างไรก็ตาม บางครั้งผู้อ่านอาจจะรู้สึกว่า ท่านผู้อ่านคงสงสัย รวมไปถึงหลายท่านอาจจะมีความกังวลว่า การคละกลุ่มจะทำาให้เกิด
เป็นขนาดที่เหมาะสมและส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ วิธีการจัดกลุ่มดังกล่าวใช้เวลาเยอะพอสมควร หาก ความไม่สนิทสนมกลมเกลียว หรืออาจจะมีการคละกลุ่มที่ทำาให้ผู้เรียนที่อาจจะไม่ชอบพอ
ในกลุ่ม (engagement) อย่างทั่วถึง สามารถ มีข้อจำากัดและต้องการประหยัดเวลาในการจัดกลุ่ม กันมาอยู่ด้วยกันหรือไม่ แล้วหากเกิดปัญหาดังกล่าวแล้วผู้เรียนอยู่ในกลุ่มเดิมตลอดภาคการศึกษาหาก
กระจายการกำาหนดหน้าที่เหมาะสม และแนะนำา อาจใช้วิธีการคละแบบสุ่มได้ (randomization) และ ผู้เรียนมีปัญหาระหว่างมากขึ้นจะเป็นผลดีต่อการเรียนรู้ของกลุ่มหรือไม่ สามารถอธิบายเพิ่มเติมได้ด้วย
จำานวนผู้เรียนเป็นตัวเลขคี่ในกรณีที่มีข้อถกเถียง จากการศึกษาพบว่ายังคงได้กลุ่มที่ผู้เรียนที่มีความ กระบวนการส่งเสริมการทำางานเป็นกลุ่มและ accountability ของการเรียนแบบ TBL นั้นมีส่วนสำาคัญ
ที่ไม่ลงตัวจะทำาให้การหาข้อตกลงสะดวกมากขึ้น 1 หลากหลายเหมาะสม และผลลัพธ์การเรียนไม่ด้อย ที่ทำาให้ group dynamic เมื่อทำางานไปเรื่อย ๆ เกิดความเคยชินและสนิทสนม อีกทั้งยังเป็นการฝึกฝน
โดยหลักการเน้นการจัดกลุ่มที่มีความโปร่งใส กว่าการจัดกระจายกลุ่มโดยพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ให้ผู้เรียนมีความพร้อมกับการแก้ไขปัญหาในกลุ่มและการทำางานร่วมกับผู้อื่นในสถานการณ์ต่าง ๆ แต่หาก
2
และยุติธรรมในมุมมองของผู้เรียนมากที่สุด โดยละเอียด แต่ในกระบวนการนี้ ยังแนะนำาอย่างยิ่ง มีปัญหาที่ส่งผลต่อการเรียนรู้หรือบรรยากาศของกลุ่มอย่างมาก ผู้สอนมีระบบรองรับปัญหาและหาแนวทาง
การจัดให้มีการคละกัน และแต่ละกลุ่ม มีสมาชิก ให้เป็นการจัดแบบสุ่มโดยผู้สอนเป็นคนจัดกลุ่ม ซึ่ง แก้ไขตามบริบทและข้อตกลงร่วมกับของคณาจารย์ผู้สอน รูปแบบการนั่งของทีมแนะนำาให้ไม่ใช้โต๊ะตัวที่ใหญ่
เท่าเทียมกัน มีความสามารถหลากหลายในระดับ พบว่าการจัดกลุ่มแบบคละโดยเฉพาะครูจัดให้มีผล จนเกินไประดับที่ผู้เรียนต้องตะโกนพูดคุยกันหรือใกล้กับกลุ่มอื่นเกินไปจนกลบเสียงของกลุ่มตนเอง ผู้เรียน
ความสามารถ ผสมกันชายหญิง การเรียนดีกว่าเมื่อเทียบกับให้ผู้เรียนจัดกลุ่มเอง นั่งได้สะดวกสบายไม่แออัด ขนาดโต๊ะเพียงพอสำาหรับอุปกรณ์ electronic ในการใช้ทำางานกลุ่มเหมาะสม
38