Page 30 - 3_2023_journal
P. 30

Application exercise
                                                                                                       (2) ปรับปรุงคุณภาพข้อสอบ
             หลังจ�กที่นักศึกษ�ได้รับก�รสอนในค�บ  กับโจทย์ปัญห�ที่นำ�ม�ให้วิเคร�ะห์  ไม่แนะนำ�ให้ห�
         TBL แล้ว อ�จ�รย์จะใช้ Application exercise  ท�งแก้ปัญห�โดยก�รเขียนบรรย�ยเนื่องด้วย
         เป็นข้อสอบตรวจสอบคว�มเข้�ใจของนักศึกษ�ว่�   สองเหตุผลสำ�คัญคือ  (1) ก�รเขียนตอบในโจทย์

         ส�ม�รถนำ�คว�มรู้ที่ได้เรียนในค�บไปประยุกต์ใช้  ปัญห�ที่ซับซ้อน   มีแนวโน้มว่�นักศึกษ�จะห�ท�ง
         แก้ปัญห�ได้ดีเพียงใด โดยทั่วไปแล้วโจทย์ปัญห�  หลีกเลี่ยงก�รแสดงคว�มไม่รู้ ไม่เข้�ใจได้ อ�จห�ท�ง

         ที่ใช้ใน application exercise จะย�กกว่�โจทย์  แก้ปัญห�ด้วยแนวท�งที่ไม่ตรงกับบทเรียน  หรือ
         ที่ใช้ใน RAT โดยมีหลักก�รในก�รทำ� Application  เขียนตอบแบบเป็นหลักก�ร  แต่ไม่ทำ�ก�รตัดสินใจ
         exercise ให้มีประสิทธิภ�พ สี่ประก�ร (4 s) ได้แก่  ที่ชัดเจนว่�ในกรณีในโจทย์นี้จะทำ�อะไร  ก�รให้

         significant, same problem, specific choice  นักศึกษ�ต้องเลือกท�งเลือกที่ดีที่สุดจ�กตัวเลือก
         และ simultaneous report                     ที่กำ�หนด  จะเป็นตัวควบคุมให้นักศึกษ�จำ�เป็น

             1. Significant                          ต้องคิดต�มแนวท�งที่เป็นวัตถุประสงค์ก�รเรียนรู้
             โจทย์ปัญห�ต้องเป็นปัญห�ที่สำ�คัญใน      ของค�บนั้นจริง ๆ และ (2) ก�รที่ต้องใช้เวล�ใน
         ก�รทำ�ง�น เช่น เป็นผู้ป่วยที่พบได้บ่อยในเวชปฏิบัติ  ก�รเขียนตอบที่น�น  มีแนวโน้มว่�นักศึกษ�

         เป็นโรคหรือภ�วะที่แพทย์มักดูแลรักษ�ไม่ถูกต้อง  จะไม่ค่อยได้อภิปร�ยจนเกิดคว�มเข้�ใจตรงกัน
         หรือเป็นโรคที่มีอัตร�ต�ยสูง ซึ่งเมื่อนักศึกษ�รับรู้ได้  ของทั้งทีม แต่นักศึกษ�มักจะใช้วิธีก�รแบ่งง�น ว่�

         ว่�ก�รมีคว�มรู้คว�มเข้�ใจในก�รแก้ปัญห�ดังกล่�ว  นักศึกษ� 2 คน เขียนอธิบ�ยส่วนที่หนึ่ง นักศึกษ�
         เป็นสิ่งสำ�คัญ นักศึกษ�ก็จะตั้งใจที่จะทำ�คว�มเข้�ใจ  อีก 2 คน เขียนอธิบ�ยส่วนที่สอง แต่เมื่อจบค�บแล้ว
         และเรียนรู้อย่�งลึกซึ้ง มีก�รอภิปร�ยกันในกลุ่ม  ก็ไม่มีนักศึกษ�คนใดที่เข้�ใจบทเรียนทั้งหมดเลย

         อย่�งรอบคอบก่อนตัดสินใจ                     ก�รส่งเสริมให้นักศึกษ�อภิปร�ยกันจนเกิดคว�ม
             2. Same problem                         เข้�ใจจะได้จ�กก�รทำ�ง�นที่ไม่ต้องกังวลว่�จะต้อง

             นักศึกษ�ทุกกลุ่มพึงได้รับโจทย์ปัญห�เดียวกัน  เขียนคำ�ตอบที่มีร�ยละเอียดเยอะซึ่งต้องใช้เวล�
         ก�รอภิปร�ยในห้องเรียนจะมีประโยชน์สูงสุด     เขียนน�น
         เมื่อทุกคนในห้องเรียนส�ม�รถแลกเปลี่ยนแนวคิด

         กันได้ทั้งภ�ยในกลุ่มและระหว่�งเพื่อนต่�งกลุ่ม
         ห�กอ�จ�รย์แจกโจทย์ปัญห�ให้แต่ละทีมไม่เหมือนกัน

         ขณะที่กลุ่มหนึ่งอภิปร�ย กลุ่มอื่นก็ไม่สนใจ และ
         ไม่ส�ม�รถร่วมแลกเปลี่ยนคว�มเห็นได้
             3. Specific choice

             รูปแบบโจทย์ปัญห�ที่ควรใช้คือข้อสอบปรนัย
         (multiple-choice questions) ที่นักศึกษ�แต่ละทีม

         ต้องเลือกแนวท�งแก้ปัญห�ที่ดีที่สุดหนึ่งตัวเลือกจ�ก
         ตัวเลือกที่กำ�หนดซึ่งจะมีกี่ตัวเลือกก็ได้   ที่เหม�ะสม


                                                  27
   25   26   27   28   29   30   31   32   33   34   35