Page 46 - Journal 10
P. 46

SHEE RESEARCH

                                                          นพ.ศรัณย์ชัย แพเจริญชัย
         Scale of measurement                             ศูนย์ความเปิ็นเลิศด้านกุารศึกุษาวิทยาศาสุตร์สุุขภิาพ
                                                          คณะแพทยศาสุตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล


              ในกัาริทัำาวิจัย มีหลากัหลายขั�นติอนทัี�ผู้้้ทัำาวิจัยติ้องให้ความส่ำาคัญ ไม่ว่าจะเป็็นกัาริเล่อกัริ้ป็แบบกัาริวิจัย วิธ์ี
       กัาริเกั็บข้อม้ล วิธ์ีในกัาริวิเคริาะห์ข้อม้ล และกัาริส่ริุป็ข้อม้ล แติ่อีกัส่ิ�งทัี�มีความส่ำาคัญไม่แพ้กัันกั็ค่อ กัาริเล่อกัใช้มาติริ
       วัด้ในกัาริอธ์ิบายติัวแป็ริติ่าง ๆ ในงานวิจัยให้ออกัมาอย้่ในริ้ป็แบบของติัวเลข  ซึ่่�งส่ิ�งนี�จะเป็็นส่ิ�งทัี�ทัำาให้ติัวแป็ริทัี�เริา

       เล่อกัเอามาใช้ในงานวิจัยของเริานั�น ส่ามาริถึนำามาวัด้หริ่อนำามาเป็ริียบเทัียบกัันได้้ และมีผู้ลติ่อกัาริทัี�เริาจะเล่อกัส่ถึิติิ
       ทัี�จะนำามาใช้อีกัด้้วย  บทัความนี�จะอธ์ิบายถึ่ง มาติริวัด้ หริ่อ scale of measurement กัันว่ามีทัั�งหมด้กัี�ป็ริะเภทั
       และแติ่ละป็ริะเภทัเหมาะส่มกัับกัารินำามาใช้งานอย่างไริกัันบ้าง
              โด้ยทั�วไปในการที�เราจะแบ่งประเภทของมาตรวัด้
       เรามักที�จะใชี่้เกณฑ์์  3  อย่างมาเป็นข้อกำาหนด้ในการบอก  2. มาติริาอันด้ับ (Ordinal scale)
       ประเภทของมาตรวัด้ต่างๆ โด้ยเกณฑ์์ทั�ง 3 อย่างมีด้ังนี�      เป็นมาตรวัด้ข้อม้ลที�มีความละเอียด้เพิ�มขึ�น  โด้ย

       1.  ความต่อเน้�องของข้อม้ลที�วัด้ โด้ยจะแบ่งออกเป็น ข้อม้ล  เป็นการกำาหนด้ค่าตัวเลข  โด้ยตัวเลขเหล่านี�สามารถนำามา
           ที�มีความต่อเน้�องกันเร้�อยๆ  (continuous  data)  และ   ใชี่้ในการเปรียบเทียบความมากน้อยของข้อม้ลได้้แต่ยังไม่
           ข้อม้ลที�ไม่ได้้มีความต่อเน้�องกัน (discrete data)  ได้้สามารถบอกได้้ว่าในความมากน้อยเหล่านั�นมีปริมาณที�
       2.  ความแตกต่างของแต่ละข้อม้ลที�วัด้  โด้ยจะแบ่งออกเป็น   แตกต่างกันเพียงใด้ และยังไม่สามารถนำาค่าที�ได้้มาคำานวณ
           การที�เราสามารถบอกค่าได้้ว่าข้อม้ลที�แตกต่างกันนั�นมี  ค่าทางสถิติได้้ เชี่่น การจัด้ลำาด้ับของผู้้้เข้าแข่งกีฬา มีระด้ับ
           ความต่างกันเท่าไหร่ สามารถวัด้ออกมาเป็นตัวเลขได้้ กับ   ชี่นะเลิศึที�  1  (เหรียญทอง)  ที�  2  (เหรียญเงิน)  และที�  3
           การที�เราไม่สามารถบอกค่าความแตกต่างของข้อม้ล  (เหรียญทองแด้ง) เราสามารถเรียงลำาด้ับความสามารถได้้ว่า
           แต่ละชี่่วงได้้                             คนที�ได้้เหรียญทองมีความสามารถมากกว่าคนที�ได้้เหรียญ
       3.  การมีค่าศึ้นย์สัมบ้รณ์ (absolute zero) โด้ยจะแบ่งเป็น   เงินและเหรียญทองแด้งตามลำาด้ับ แต่เราไม่สามารถบอกได้้

           การที�สามารถบอกได้้ว่า  หากเราวัด้ค่าออกมาได้้เป็น  0   ว่าความสามารถของทั�งสามคนมีความแตกต่างกันมากน้อย
           แสด้งว่าไม่มีสิ�งนั�นอย้่จริง  กับการที�หากวัด้ค่านั�นออกมา  เพียงใด้ เชี่่น เราไม่สามารถบอกได้้ว่า ความสามารถของคน
           แล้วเป็น 0 แต่ไม่ได้้แสด้งว่าไม่มีสิ�งนั�นอย้่จริง  ที�ได้้ที� 1 ส้งกว่า ความสามารถของคนที�ได้้ที� 2 เป็น 2 เท่า
              จากเกณฑ์์ในข้างต้นที�ได้้กล่าวมานั�นทำาให้เราสามารถ  เป็นต้น
       แยกมาตรวัด้ออกมาได้้ทั�งหมด้ 4 มาตรวัด้ด้้วยกัน ได้้แก่

                                                        3. มาติริาช่วง (Interval scale)
         1. มาติริานามบัญญัติิ (Nominal scale)
                                                              เป็นมาตรวัด้ที�มีความละเอียด้เพิ�มขึ�นมาอีกจาก
              เป็นมาตรวัด้ข้อม้ล  ร้ปแบบที�มีความหยาบในการ  มาตรวัด้ทั�งสองก่อนหน้า   โด้ยมาตรวัด้นี�เป็นมาตรวัด้ที�
       แบ่งข้อม้ลที�สุด้  โด้ยเป็นการกำาหนด้ค่าตัวเลขหร้อสัญลักษณ์   สามารถเปรียบเทียบความต่างของข้อม้ลได้้อย่างชี่ัด้เจน
       เพ้�อเป็นจำาแนกประเภทของสิ�งที�มีความแตกต่างกันเท่านั�น   สามารถบอกได้้ว่าความต่างของข้อม้ลนั�นมีปริมาณที�แตก
       โด้ยความแตกต่างของค่าตัวเลขหร้อสัญลักษณ์เหล่านั�นไม่  ต่างกันอย่างไร โด้ยในแต่ละชี่่วงที�ต่างมีระยะของความต่างที�
       สามารถบอกความแตกต่างของสิ�งเหล่านั�น และ ไม่สามารถนำา  เท่ากัน  (equal  interval)  และค่าที�ได้้สามารถนำามาใชี่้
       มาใชี่้ในการเปรียบเทียบลักษณะของสิ�งเหล่านั�นได้้  เชี่่น  เพศึ   คำานวณทางสถิติได้้  แต่สิ�งสำาคัญของมาตรวัด้นี�ค้อ  การไม่มี
       แบ่งออกเป็น ชี่าย = 1 และ หญิง = 0 เราไม่สามารถนำาข้อม้ล   ศึ้นย์สัมบ้รณ์  ซึ่ึ�งหมายถึง  การวัด้ค่าได้้  0  ของมาตรวัด้นี�
       2 อย่างนี�มาเปรียบเทียบกันได้้ หร้อ นำาค่าตัวเลขข้อม้ล 2 อย่าง  ไม่ได้้หมายความว่าไม่มีสิ�งนั�นอย้่จริง เชี่่น
       นี�มาคำานวณค่าทางสถิติได้้
     44
   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51