Page 17 - Journal 10
P. 17

แล้วัองค์กี่ร้จะช่่วัย่เหล้อบุคคลากี่ร้ข้องเร้าไดู้อย่่างไร้ ?  กับเรา   ซึ่ึ�งรวมถึงอาจารย์แพทย์ที�กำาลังทำางานอย้่นั�น
                สำาหรับอาจารย์แพทย์นั�น เราพบว่า อาจารย์ที�  กำาลังร้้สึกอย่างไรกับการทำางาน   อาจจะเป็นการคอย
        อย้่ในกลุ่ม  Overextended  มักจะประสบปัญหาว่ามี  ตรวจสอบว่าตอนนี�มีอาจารย์ที�เหน้�อยล้ามากเกินไป

        ภาระงานมากเกินไป  หร้อใชี่้เวลาในการทำางานทั�งด้้าน  มากน้อยเพียงใด้  มีใครที�กำาลังร้้สึกแปลกแยกจากเพ้�อน
        การสอน  การด้้แลผู้้้ป่วย  รวมทั�งการทำาวิจัยที�มากเกินไป   ร่วมงานอย้่บ้างไหม  หร้อมีใครที�กำาลังร้้สึกว่าตนเองไม่ด้ี
        ซึ่ึ�งถ้าหากว่าอาจารย์สามารถหาวิธิีจัด้การกับภาระงานได้้  พอหร้อไม่  มีองค์กรไหนที�มีกลุ่มบุคคลที�มีความเสี�ยงที�
        อย่างเหมาะสม หร้อได้้รับความชี่่วยเหล้อจากองค์กรเพ้�อ  จะเกิด้ภาวะหมด้ไฟในการทำางานเป็นพิเศึษในชี่่วงเวลา
        ลด้ภาระงานบางอย่างได้้ก็มักจะทำาให้อาจารย์ร้้สึกด้ีขึ�น  หนึ�ง ๆ หร้อไม่    การสำารวจเป็นระยะๆ แบบนี�น่าจะเป็น
        และป้องกันภาวะหมด้ไฟได้้  นอกจากนั�นแล้ว  ยังมีคำา  ประโยชี่น์ในการที�จะทำาให้ผู้้้บริหารได้้ร้้เท่าทัน
        แนะนำาว่าถ้าหากว่าอาจารย์มีโอกาสได้้ทำางานที�ชี่อบ   สถานการณ์ขององค์กรในแต่ละชี่่วงเวลา  และสามารถ
        ไม่ว่าจะเป็นด้้านการสอน การด้้แลผู้้้ป่วย หร้อการทำาวิจัย   วางแผู้น   สร้างแนวทางปฏิิบัติหร้อออกนโยบายเพ้�อ
        อย่างน้อยสัก  20%  ของเวลาในการทำางานจะสามารถ  ให้การสนับสนุน  เพ้�อให้บุคคลในกลุ่มเหล่านั�นได้้รับการ

        ชี่่วยลด้การเกิด้ภาวะหมด้ไฟของอาจารย์ได้้อีกด้้วย  ด้้แลและชี่่วยเหล้อตั�งแต่เนิ�นๆ ก่อนจะเกิด้ภาวะหมด้ไฟ

                สำาหรับอาจารย์ที�อย้่ในกลุ่ม  Disengaged  นั�น
        สิ�งที�จะชี่่วยให้อาจารย์ร้้สึกด้ีขึ�นได้้ในระด้ับบุคคลน่าจะ
        เป็นการยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล  การเปิด้ใจ
        พ้ด้คุยและรับฟังความเห็นที�แตกต่าง  การพัฒนาเร้�อง
        ความย้ด้หยุ่นต่อการเกิด้เหตุการณ์ต่างๆ นอกจากนั�นแล้ว
        การพัฒนาหร้อจัด้อบรมเร้�องความสัมพันธิ์ในระด้ับ
        องค์กรก็เป็นอีกตัวชี่่วยหนึ�งที�ลด้โอกาสการเกิด้ภาวะ
        Disengaged ที�อาจจะนำาไปส้่ภาวะหมด้ไฟได้้อีกด้้วย   “


                สำาหรับอาจารย์ที�อย้่ในกลุ่ม  Ineffectiveness          กี่่อนจะจบบทควัาม...  ไดู้ย่่นเสีย่ง
        นั�น  มีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย  หนึ�งในปัจจัยที�ถ้กกล่าว  กี่ร้ะซึ่่บเบาๆ  จากี่อาจาร้ย่์แพทย่์ท่านหนึ�งพึมพำามา
        ถึงได้้  ค้อ  Imposter  syndrome  ซึ่ึ�งเป็นที�น่าแปลกใจ  วั่า  “องค์กี่ร้ข้องเร้า  ให้กี่าร้สนับสนุนเกี่ี�ย่วักี่ับกี่าร้
        อย่างยิ�งที�อาจารย์แพทย์ที�ด้้เป็นอาจารย์ที�เก่งและด้ีใน  อบร้มดู้านวั่ช่ากี่าร้และพัฒนาศูักี่ย่ภาพดู้านกี่าร้
        สายตาล้กศึิษย์กลับมีความร้้สึกว่าตนเองไม่เก่ง  หร้อไม่ด้ี  วั่จัย่ให้อาจาร้ย่์แพทย่์มามากี่แล้วั  คงจะถูึงเวัลาสักี่
        พอที�จะทำางานในหน้าที�นี�  ทั�งนี�  สาเหตุของความร้้สึกว่า  ทีที�องค์กี่ร้ข้องเร้าจะหันมาใส่ใจสุข้ภาวัะทางจ่ต่ใจ
        ตนเองไม่ด้ีพอในอาจารย์กลุ่มนี�นั�น   อาจจะเกิด้ได้้จาก  และภาวัะหมดูไฟในอาจาร้ย่์แพทย่์บ้าง”
        หลายปัจจัย  ด้ังนั�นการด้้แลในระด้ับบุคคลและองค์กรจึง
        จำาเป็นต้องหาข้อม้ลเพิ�มเติมและให้การด้้แลที�เฉพาะ                                  “

        เจาะจงเป็นรายๆ ไป

                นอกจากนั�นแล้วสิ�งที�องค์กรสามารถทำาได้้
        ค้อ การคอยทำา Organization check-up อย้่เป็นระยะ
        เพ้�อให้สามารถรับร้้ได้้ว่าตอนนี�บุคลากรที�ทำางานอย้่


                                                                                              15
   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21   22