Page 22 - Journal 10
P. 22
Q แล้วัอาจาร้ย่์ค่ดูอย่่างไร้กี่ับเร้้�องกี่าร้แสดูงออกี่ทางเพศู
กี่ับ ควัามน่าเช่้�อถู้อหร้้อควัามเป็็น professional
A เคยมีความคิด้ที�อยากจะสำารวจความคิด้เห็นของผู้้้ป่วยกับญาติเหม้อนกัน ว่าคิด้เห็นยังไงกับเร้�องการ
แต่งกายหร้อพฤติกรรมการแสด้งออกทางเพศึของนักศึึกษาแพทย์ที�เป็นบุคคลหลากหลายทางเพศึ โด้ย
เฉพาะกลุ่มที�เป็นคนข้ามเพศึ ซึ่ึ�งน่าจะได้้รับผู้ลกระทบมากที�สุด้ แต่ร้้สึกว่า ไม่มีประโยชี่น์ เพราะคิด้ว่า ความเป็น
วิชี่าชี่ีพ (professionalism) กับการแสด้งออกทางเพศึที�ตรงกับเพศึที�แท้จริง เป็นคนละเร้�องกัน เราควรให้ความ
สำาคัญกับความปลอด้ภัยของผู้้้ป่วย (patient safety) มาเป็นอันด้ับหนึ�ง ซึ่ึ�งควรจะมีการกำาหนด้เกณฑ์์การแต่งกาย
ที�มุ่งเน้นต่อความปลอด้ภัยต่อผู้้้ป่วย ไม่ใชี่่มุ่งเน้น “ความเหมาะสม” ซึ่ึ�งเป็นนิยามที�คลุมเคร้อและไม่มี
evidenced-based มาสนับสนุนอย่างชี่ัด้เจน แต่เป็นความเห็นส่วนตัวจากตัวอาจารย์แพทย์ที�คิด้เองว่า การแต่งตัว
ตรงเพศึกำาเนิด้ น่าจะปลอด้ภัยต่อ.(สายตา)ผู้้้ป่วย แต่กลับไปละเมิด้สิทธิิขั�นพ้�นฐานในความเป็นมนุษย์ของนักศึึกษา
แพทย์ ถ้าอาจารย์อยากให้นศึพ. แต่งกายสุภาพเรียบร้อยตามระเบียบของมหาวิทยาลัย ก็สามารถบอกกับนศึพ. ได้้
ซึ่ึ�ง นศึพ. ที�เป็นคนข้ามเพศึ ก็เข้าใจและพร้อมที�จะทำาตาม ขอแค่ให้พวกเขาได้้แต่งตัวตามเพศึที�แท้จริงที�พวกเขาเป็น
ความสุขเล็กๆ บนการเรียนชี่ั�นคลินิกอันหนักหน่วง จะทำาให้บรรยากาศึการเรียนร้้เป็นมิตรมากขึ�น อีกประการหนึ�ง
ก็ค้อ ให้นศึพ. ได้้เรียนร้้จากผู้้้ป่วยเองว่า การแต่งกายแบบนี� ผู้้้ป่วยและญาติร้้สึกอย่างไร ถ้าผู้้้ป่วยและญาติไม่ชี่อบ
ไม่ให้ร่วมม้อในการตรวจ เขาก็ไม่สามารถเป็นหมอได้้ เขาจะเกิด้การเรียนร้้เอง ที�สำาคัญกว่านั�นค้อ การตระหนักถึง
อคติซึ่่อนเร้นต่อความหลากหลากหลายทางเพศึของตัวอาจารย์แพทย์เองที�อาจจะต้องตระหนักว่ามีหร้อไม่ เรามี
อคติต่อนักศึึกษาแพทย์ของเราเฉพาะคนกลุ่มนี�หร้อเปล่า
Q สุดูท้าย่นี� อย่ากี่ฝากี่อะไร้ ถูึงโร้งเร้ีย่นแพทย่์
เกี่ี�ย่วักี่ับเร้้�องควัามหลากี่หลาย่ทางเพศูคร้ับ
A เสียงจากคนไข้ที�เป็นบุคคลหลากหลายทางเพศึในประเทศึไทย อยากได้้หมอที� มองเห็น “การมีตัวตน”
ของพวกเขา เข้าใจและยอมรับว่าความหลากหลายทางเพศึของพวกเขาเป็น “ความปกติ” ไม่ต้องให้การ
ด้้แลที�พิเศึษอะไรมากก็ได้้ ขอแค่ “ไม่ตัด้สินพวกเขา” เสียงจากนักศึึกษาแพทย์ไทยต่ออาจารย์ของพวกเขา
ชี่่วยเอาเร้�องนี�มาพ้ด้กัน “บนด้ิน” เสียที ว่าตกลง เกณฑ์์การรับเข้านักศึึกษาแพทย์ บุคคลหลากหลายทางเพศึ
สามารถเรียนหมอได้้ไหม ถ้าเข้ามาเรียนแล้ว สามารถที�จะแต่งกายตามเพศึที�แท้จริงของตัวเองได้้หร้อไม่ (ซึ่ึ�งคณะ
แพทย์ ธิรรมศึาสตร์ได้้ทำาไปเรียบร้อยแล้ว) โด้ยที�จะไม่ถ้กกลั�นแกล้งรังแกจากใคร ชี่่วยทำาให้บรรยากาศึในโรงเรียน
แพทย์เป็นมิตรและโอบรับทุกคนที�เป็นบุคคลหลากหลากหลายทางเพศึไม่ใชี่่เฉพาะ นศึพ.แต่รวมถึงอาจารย์แพทย์
แพทย์ประจำาบ้าน และบุคลากรอ้�นๆ ด้้วย และเสียงจากตัวเอง อยากให้วงการแพทยศึาสตรศึึกษาและแพทยสภา
ไทยมองเห็นว่า เร้�องการด้้แลสุขภาพบุคคลหลากหลายทางเพศึ เป็นเร้�อง “จำาเป็น” มากกว่า มองว่าเป็น “แฟชี่ั�น”
ตามกระแส ที�สมควรจะต้องมีการจัด้การเรียนการสอนในโรงเรียนแพทย์ทั�งระด้ับ ก่อนและหลังปริญญาเพ้�อ
พัฒนาการแพทย์ให้มีทัศึนคติที�ด้ี มีความร้้ความสามารถในด้้แลสุขภาพของคนกลุ่มนี�ให้ด้ีขึ�นกว่าที�เป็นอย้่
“ เพราะไม่ว่่าเขาจะเป็็น lesbian gay bisexual หรือ transgender เขาก็เป็็น “คน” เชื่่นเด้ียว่กับ้เรา
ด้ังนั�น พว่กเขาคว่รได้�รับ้การด้้แลุ่สี่ขภาพที่ี�มีค่ณ์ภาพในฐานะสีิที่ธิขั�นพื�นฐานในคว่ามเป็็นมน่ษย์คนหนึ�ง โด้ยที่ี�จะไม่ถู้ก
เลุ่ือกป็ฏิิบ้ัต้ิด้�ว่ยเหต้่แห่งเพศึ ”
20